บทที่ 5
อินเตอร์เน็ตและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
อินเทอร์เน็ต เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หมายถึงกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อสื่อสารด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครือข่ายขึ้นไปที่เชื่อมต่อกัน
ความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต จากปัญหาและอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงทำให้เกิดโครงการอาร์พาเน็ต ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยในสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา โครงการอาร์พาเน็ตได้เริ่มขึ้นโดยเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ระหว่างสถาบัน 4 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนแจลิส มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตา บาร์บารา มหาวิทยาลัยยูทาห์ และสถาบันวิจัยสแตนฟอร์ต
อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียได้ติดต่อขอใช้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ในปี พ.ศ.2530 โดยความร่วมมือระหว่างไทยและออสเตรเลีย ตามโครงการ IDP ในปี พ.ศ. 2535 ได้จัดตั้งเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายยูยูเน็ต ในปีเดียวกัน ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติได้จัดตั้งเครือข่ายไทยสาร ซึ่งต่อมาได้ต่อเครือข่ายของยูยูเน็ต และในปัจจุบันไทยสารได้เชื่อมโยงกับสถาบันต่างๆ ในปี พ.ศ. 2537 การสื่อสารแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชนเปิดบริการอินเทอร์เน็ตให้แก่บุคคลและผู้สนใจทั่วไปได้สมัครเป็นสมาชิก ที่เรียกกันว่า ไอเอสพี
การแทนชื่อที่อยู่ของอินเทอร์เน็ต (Internet Address) เครื่องคอมพิวเตอร์จำเป็นที่ต้องมีหมายเลขประจำตัว เรียกว่า หมายเลขไอพี ซึ่งประกอบด้วยชุดของตัวเลข 4 ชุด ขนาด 8 บิต ในการอ้างอิงถึงหมายเลขไอพีนิยมแปลงเลขฐานนิยมทั้ง 4 ชุด เพื่อความสะดวกในการจำและป้อนเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เนื่องจากหมายเลขไอพีนั้นจดจำยาก ดังนั้นจึงได้มีการกำหนดชื่อเพื่อใช้แทนหมายเลขไอพี เรียกว่า ระบบชื่อโดเมน
การเชื่อมต่อเข้าระบบอินเทอร์เน็ต สามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้มี 2 วิธี คือ การเชื่อมต่อโดยตรง โดย ผู้ใช้จะต้องมีคอมพิวเตอร์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายหลักหรือแบ็กโบน เป็นการเชื่อมต่อแบบตลอดเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งค่อนข้างสูง ข้อดีก็คือ การรับ-ส่งข้อมูลจะสามารถทำได้โดยตรง รับ-ส่งข้อมูลได้เร็วและมีความน่าเชื่อถือ ส่วนอีกวิธีคือ การเชื่อมต่อโดยผ่านโทรศัพท์และโมเด็ม เป็นการเชื่อมต่อโดยใช้สายโทรศัพท์ โดยจะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เครือข่ายโดยใช้อุปกรณ์แปลงสัญญาณที่เรียกว่า โมเด็ม ข้อดีของการเชื่อมต่อประเภทนี้ ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าการเชื่อมต่อโดยตรง เนื่องจากมีการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการเช่าคู่สายโทรศัพท์ไปยังต่างประเทศ
เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web หรือ WWW) ในช่วงแรกๆ การบริการข้อูลข่าวสารจะส่งถึงกันบนโปโตคอล Telnet และจะใช้ FTP (File Transfer Protocol) เพื่อการแลกเปลี่ยนส่งไฟล์ ต่อมาได้พัฒนาโปรแกรมเพื่อให้อินเทอร์เน็ตใช้งานได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสารบนอินเทร์เน็ตที่เรียกว่า เว็บเพจ (Web Pages) ที่สามารถเชื่อมโยง (Link) ไปยังเอกสารที่เกี่ยวข้องกันได้ การเชื่อมโยงเอกสารนี้เรียกว่า (Hyperlinks) และเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า World Wide Web (WWW)
โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ (Web Browser) คือโปรแกรมที่ใช้แสดงข้อมูลของเว็บเพจ โปรแกรมเว็บเบราเซอร์แรกเป็นโปรแกรมที่สั่งโดยใช้ข้อความ และแสดงผลในรูปของข้อความเท่านั้น ต่อมาได้สร้างโปรแกรมรูปแบบกราฟิก เป็นโปรแกรมที่สามารถแสดงเอกสารที่อยู่ในลักษณะของข้อความและภาพกราฟิก
การบริการต่างๆบนอินเตอร์เน็ต มีหลายชนิด เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์, การสนทนาออนไลน์, เทลเน็ต, การขนถ่ายไฟล์ รวมทั้งการทำธุรกรรมทุกรูปแบบผ่านอินเทอร์เน็ตเรียกว่า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ( E-Commerce) บางครั้งเรียกกันว่า การค้าอิเล็กทรอนิกส์ คือการทำธุรกรรมทุกรูปแบบ (การซื้อขายสินค้า บริการ การชำระเงิน การโฆษณา และการแลกเปลี่ยนสารสนเทศ) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ โทรสาร โทรทัศน์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
รูปแบบของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีด้วยกัน 5 ประเภท คือ ธุรกิจกับธุรกิจ B2B, ธุรกิจกับลูกค้า B2C, ธุรกิจกับภาครัฐ B2G, ลูกค้ากับลูกค้า C2C, ภาครัฐกับประชาชน G2C
โครงสร้างระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย หน้าร้าน, ระบบตะกร้ารับคำสั่งซื้อ, ระบบการชำระเงิน,ระบบสมัครสมาชิก, ระบบขนส่ง, ระบบติดตามคำสั่งซื้อ และ กระบวนการทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย การค้นหาข้อมูล, การสั่งซื้อสินค้า, การชำระเงิน, การส่งมอบสินค้า, การให้บริการหลังการขาย
กรณีศึกษาบทที่ 5
SF Cinema City นำไอทีพัฒนาธุรกิจและบริการ
1. ระบบไอทีที่เอส เอฟ ซีนีม่า ซิตี้ นำมาใช้นี้ส่งผลต่อเจ้าของธุรกิจและผู้ใช้บริการอย่างไรบ้าง
ตอบ = 1. ทำให้โรงภาพยนตร์มีค่าใช้จ่ายลดลง
2. ทำให้โรงภาพยนตร์มีรายได้เพิ่มขึ้น
3. ลูกค้าได้รับความสะดวกจากการให้บริการ
4. ตอบสนองความต้องการแก่ผู้ใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว
5. ในการจำหน่ายบัตรมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
2. ระบบที่นำมาใช้นี้มีข้อจำกัดอะไรบ้าง
ตอบ = 1. ประชาชนคนไทยยังไม่ให้ความไว้วางใจในความปลอดภัยในการการชำระเงินผ่านบัตรเครติตโดยผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต โดยเชื่อว่าระบบการชำระเงินยังไม่แน่นอนและความปลอดภัยในด้านข้อมูลส่วนตัวอาจรั่วไหลทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
2. มีข้อจำกัดสำหรับผู้ไม่มีบัตรเครดิตให้ผู้มีรายได้น้อย และอาจเป็นข้อได้เปรียบ-เสียเปรียบระหว่างลูกค้าได้ เช่น การจองตัวผ่านสื่ออินเตอร์เน็ตสำหรับผู้มีบัตรเครดิต อาจได้รับที่นั่งดีกว่า ผู้ที่ไม่ใช้บัตรเครดิต เนื่องจาก ผู้ไม่มีบัตรเครดิต จำเป็นต้องจองตั๋วหน้าโรงหนัง เป็นต้น
3. หากจะนำระบบไอทีของเอส เอฟ ซินีม่า มาให้บริการด้านอื่น ๆ จะแนะนำให้นำไอทีมาต่อยอด
ตอบ = 1. ธุรกิจให้บริการ เช่น ร้านอาหาร(จองโต๊ะ), นวดแผนโบราณ, โรงแรมหรือที่พักต่างๆ
2. ธุรกิจบันเทิง เช่น คาราโอเกะ (จองห้อง), การแสดงละครเวที, คอนเสริต์, กีฬาต่างๆ
3. การจองตั๋วเครื่องบิน, รถโดยสารประจำทาง (กรุงเทพฯ- เชียงใหม่)
4. ร้านจำหน่ายหนังสือหรือ โรงพิมพ์ เช่น การสั่งจองหนังสือ
คำถามท้ายบทที่ 5
ข้อ 1. Instant Messaging (IM) คืออะไร สามารถสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจได้อย่างไรบ้างและช่วยลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์ได้อย่างไร
คำตอบ.
Instant Messaging : IM คือ โปรแกรมที่ให้ผู้ใช้สามารถส่งผ่านข้อความ, ตัวอักษร, ภาพนิ่ง,
ภาพเคลื่อนไหว, ไฟล์มัลติมีเดีย หรือคุยตอบโต้กันได้แบบเรียลไทม์ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สามารถสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจและช่วยลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์ได้ เนื่องเป็นการส่ง
ข้อความแบบ Real-Time ทำให้ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายใช้แทนการใช้โทรศัพท์ได้ และยัง
สามารถส่งงาน หรือเอกสารได้ ทำให้ช่วยสนับสนุนกระบวนการดำเนินธุรกิจไปได้โดยง่าย
ข้อ 2. E-Commerce แตกต่างจาก E-Bussiness อย่างไร
คำตอบ.
E-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ E-Bussiness คือ E-Bussiness จะมีการดำเนินธุรกรรมทุกขั้นตอนผ่าน
สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งในส่วนหน้าร้าน (Front Office) และหลังร้าน (Back Office) ในขณะที่ E-Commerce จะทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น
ข้อ 3. จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างการทำธุรกิจแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B), ธุรกิจกับลูกค้า (B2C), ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) และลูกค้ากับลูกค้า (C2C)
คำตอบ.
ธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างที่มุ้งเน้นให้บริการกับลูกค้าที่เป็นองค์การธุรกิจด้วยกัน เช่น ผู้ผลิต-ผู้ผลิต ผู้ผลิต-ผู้ส่งออก ผู้ผลิต-ผู้นำเข้า และผู้ผลิต-ผู้ค้าส่ง
ธุรกิจกับลูกค้า (B2C) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ขายที่เป็นองค์การธุรกิจกับผู้ซื้อหรือลูกค้าแต่ละคนอาจเป็นการค้าปลีกแบบล็อตใหญ่หรือเหมาโหล หรือแบบขายปลีกที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าจำนวนไม่สูง
ธุรกิจกับภาครัฐ (B2G) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเอกชนกับภาครัฐ ได้แก่การประมูลออนไลน์ (E-Auction) และการจัดซื้อจัดจ้าง (E-Procurement)
ลูกค้ากับลูกค้า (C2C) เป็นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนและซื้อ-ขายสินค้าอาจทำผ่าน Website
ข้อ 4. จงยกตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประสบความสำเร็จและล้มเหลวมาอย่างละ 5 ข้อ
คำตอบ.
ข้อ 5. Internet ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์กับลูกค้าอย่างไรบ้าง
คำตอบ.
เป็นชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีทั้ง ผู้ซื้อ ผู้ขาย ผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ เข้าออกแล้วค้นหาสินค้าและบริการตลอดเวลา จึงเป็นแหล่งที่เอื้ออำนวยต่อการประกอบธุรกิจ Internet จึงเป็นเหมือนจุดศูนย์การในการทำธุรกิจของโลกปัจจุบันมาก
ข้อ 6. Internet มีประโยชน์ต่อการให้บริการลูกค้าอย่างไรบ้าง
คำตอบ.
มีหน้าที่ให้บริการต่าง ๆ กับลูกค้าตั้งแต่การค้นข้อมูลของ สินค้าและบริการ การสั่งซื้อ หรือแม้แต่การชำระเงินก็สามารถทำได้สะดวก สินค้าและบริการบ้างอย่างก็จะมีการให้บริการหลังการขายผ่านทาง Internet ด้วย
ข้อ 7. ในยุคความเจริญของ internet ความเร็วสูง การจำหน่าย softeware ในรูปแบบของ CD-Rom น่าจะลดน้อยลงและได้รับความนิยมน้อยกว่าการจำหน่ายโดยวิธีการ download ผ่านทาง internet แต่ในปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น การจำหน่าย software ในรูปของ CD-Rom ยังคงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ท่านคิดว่าเป็นเพราะเหตุผลใด
คำตอบ.
คงเป็นความไม่มั่นใจของ File ที่ Download มาแล้วนั้นจะไม่สมบูรณ์แล้วต้องทำการ Download ใหม่เป็นการเสียเวลาจึงทำให้ส่วนใหญ่ CD-Rom ยังเป็นที่นิยมของการจำหน่าย Software ในปัจจุบันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น